ในปี 2023 แม้ว่าโลกจะพัฒนาไปไวแค่ไหน แต่คนไทยก็ยังคงอยู่กับเรื่องของดวงและความเชื่ออยู่ หรือ ที่เราๆเรียกกันว่า “ สายมู “ นั่นเอง!!
ซึ่งหลายๆแบรนด์ในประเทศไทยก็ได้เริ่มเล็งเห็นถึงโอกาศในการทำการตลาดกับสายมูเพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างมีขนาดใหญ่ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทุกเพศทุกวัย จึงเป็นช่องทางที่ดีในการทำตลาดอย่างมากในตอนนี้
วันนี้เราจะพามาเจาะลึกว่าการตลาดสายมู คืออะไร ? มีความสำคัญอย่างไรบ้าง
“การตลาดสายมู (Muketing)” คืออะไร?
การตลาดสายมู (Muketing) คือ รูปแบบการตลาดที่นำความเชื่อของคนมาผสมผสานกับประสบการณ์และข้อมูลของแต่ละธุรกิจ มาดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในธุรกิจนั้นมากยิ่งขึ้น
แล้วทำไมคนถึงหันมาใช้ “การตลาดสายมู (Muketing)” เพิ่มมากขึ้นล่ะ?
สืบเนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้เห็นว่าคนไทยนั้นหันมาพึ่งมูเตลูมากยิ่งขึ้น จากงานวิจัยหัวข้อการตลาด Marketing in the Uncertain World การตลาดของคนอยู่เป็น เมื่อวันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่างกว่า 1,200 ตัวอย่าง พบว่า
ปัจจัยที่ทำให้คนไทยเกิดความกังวล ได้แก่ การแพร่ระบาดของโควิด-19 คิดเป็น 76.8% ตามมาด้วยอันตรายจากปัญหาสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 คิดเป็น 74.6% ด้านสังคมและความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คิดเป็น 65% ด้านเศรษฐกิจ คิดเป็น 64% ด้านเทคโนโลยี คิดเป็น 62.8% และด้านการเมือง คิดเป็น 62.6%
จากความกังวลและความไม่แน่นอนดังกล่าว ประกอบกับสถานการณ์การเว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) ทำให้คนไทยต้องหาวิธีจัดการกับความรู้สึก จนเกิดปรากฏการณ์ 3 สิ่ง ได้แก่
- หันหน้าพึ่งสายมู หรือมีความเชื่อโชคลาง (Superstitious)
- เกิดความเชื่อในอินฟลูเอนเซอร์ (Influencer)
- นิยมพูดคุยคลายเหงาในคอมมูนิตี้ออนไลน์ (Online Community)
ซึ่งแอดมินต้องบอกเลยว่าคนไทยกับความเชื่อถือเป็นสิ่งที่เคียงคู่กันมาเสมอ หากเพื่อนๆมองเห็นโอกาสจากช่องทาง ก็สามารถเริ่มได้เลย เพราะเนื่องจากคู่แข่งในตลาดที่ยังไม่ได้มีจำนวนมากนัก หวังว่าทุกคนจะนำความรู้ไปประยุกต์ใช้และเริ่มธุรกิจของตนเองได้นะคะ มูแล้วยังพลาดแต่ถ้าไม่อยากพลาดให้เราช่วยได้นะคะ บริการด้านการตลลาดออนไลน์แบบครบวงจร การตลาดด้านสายมูเราก็พร้อมช่วยคุณเสมอ
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.prachachat.net/social-media-viral/news-732999